Friday, April 30, 2010

Nothing.




จากการฝึกงานที่ผ่านไปร่วมสองอาทิตย์
คำว่า "การเรียนรู้"
เปรียบดังเพื่อนสนิทที่กอดคอกับฉัน
บางสิ่งเข้าใจได้เมื่อดูแค่ครั้งเดียว
บางสิ่งเข้าใจได้เมื่อฟังแค่ครั้งเดียว
บางสิ่งเข้าใจได้ต่อเมื่อทบทวนอย่างถี่ถ้วน
บางสิ่งก็สูงส่งหรือลึกลับเกินกว่าสามัญสำนึก
ของคนอย่างฉันจะเรียนรู้ได้..

แต่สิ่งที่ฉันรับรู้ได้อย่างชัดเจนและสำคัญที่สุด
คือ " ฉัน มัน โง่เขลา นัก "

ฉันเฝ้าเพียรค้นหาตัวตนของตัวเอง
และเฝ้าพลันสำคัญตนว่าซักวันฉันจะพบมัน
เพื่อนำไปสู้ การก้าวข้าม, เหนือกว่า, แน่นอนกว่าผู้อื่นนัก

การเรียนรู้จากการอ่าน, ประสบการณ์, ความสำเร็จ, การล้มเหลว,
การลุกยืนหยัด ของผู้อื่น
ค่าของมันเกือบเท่ากับ "ศูนย์"

คนเราจะเข้าใจและแจ่มแจ้งกับสิ่งไหน
ต่อเมื่อ พบ, ประสบ, เรียนรู้ กับ "ตัวเอง"
ถ้าไม่เช่นนั้น สิ่งที่ปรากฎมันก็เป็นแค่การอุปมาอุปไมยเท่านั้น
(ฉันเชื่อเช่นนั้น)

ฉันว่าหลักใหญ่ใจความของมัน
คือ การยอมรับได้จากการมาของการดับสูญ
หากไม่ยึดติดกับสิ่งไหน ก็ปราศจากได้ซึ่งความทุกข์
หากเข้าใจว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่ ก็ปราศจากซึ่งการถือเอาเป็นเจ้าของ

แต่คนธรรมดาอย่างฉัน ก็ต้องยอมรับว่า
" ฉันทำไม่ได้หรอก "

ฉันยังใช้ชีวิตอยู่ในทางโลก ยังห่างแท้ซึ่งทางแห่งนิพพาน

เพราะฉะนั้นหลักที่ฉันพอจะทำได้
น่าจะเป็นการวางเฉย

รู้.. อย่างแท้จริงว่าตัวเองคิดอะไร
ยอมรับ.. อย่างแท้จริงถึงสันดานเสียของสรรพสิ่ง
มองเห็น.. (เกือบ)ทุกขณะที่ความคิดทำงาน

แล้ว.. "วางเฉยกับมันซะ"

เมื่อจิตใจไม่เป็นทุกข์ ความสุขก็จะนำมาซึ่งภาวะที่จิตพร้อมที่จะทำสิ่งใหม่

ฉันอาจยังทำไม่ได้เสียอย่างสมบูรณ์แบบหรือตลอดเวลา
แต่อย่างน้อย หากทำได้เสียส่วนเสี้ยวนึงของแต่ละวันในชีวิต
มันก็ทำให้เราใช้ชีวิตได้มีความสุข
มากกว่าการแบกรับทุกอย่างไว้บนหลัง
แล้วสุดท้ายก็ได้เพียงแค่ค่าแรงน้อยนิดและความปวดเมื่อยเท่านั้น.


No comments:

Post a Comment